อภัยภูเบศร เปิดตำรับ สมุนไพรไทย แก้โรคอีดี เพิ่มพลังปึ๋งปั๋ง โล้สำเภา บุพเพสันนิวาส...
ถือเป็นละครที่กระแส "แรงที่สุด" ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นฉากไหน คำพูดไหนของตัวละครก็เป็นกระแสไปเสียหมด ล่าสุด "วลีเด็ด" จากละครเรื่องนี้อย่างคำว่า "โล้สำเภา" กำลังเป็นกระแสฮิตสุดๆในโลกโซเชียล ซึ่งเป็นฉากสำคัญของพระนาง คือ "ขุนเดช-แม่การะเกด"
โล้สำเภา ในความหมายของละคร คือ ฉาก กุ๊กกิ๊ก เข้าหอของคู่พระนางนั่นเอง ซึ่งจะว่าไปแล้วสมัยโบราณยุคปู่ย่าตาทวด เป็นสังคมเกษตรกรรม ต้องใช้เรี่ยวแรงในการทำไร่ไถนา และที่สำคัญต้องมีเรี่ยวมีแรง แข็งแรงในการให้กำเนิดลูกหลานเพื่อมาช่วยกิจการ และกิจกรรมในครัวเรือนด้วย ดังนั้นเมื่อศึกษา ตำรายาไทย สมัยก่อนจะเจอกลุ่มยาที่ช่วยในด้านบำรุงกำลังวังชา ระบุสรรพคุณในด้านเสริมสมรรถภาพท่านชายไว้เยอะมาก
ถือเป็นกระแสอยู่ทุกตอนที่ละครออกอากาศไป สำหรับเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ไม่ว่าละครจะบอกเล่าถึงสิ่งใดในเรื่อง สิ่งนั้นก็มักจะขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และล่าสุดกับฉากเด็ดที่หลายคนรอคอย อย่างฉากเข้าหอหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การโล้สำเภา ระหว่างแม่หญิงการะเกดกับพี่ขุน เมื่อคืนที่ผ่านมานอกจากจะมีความฟินแล้วนั้น ก็ยังมีเรื่องราวเกล็ดความรู้ให้ได้พูดถึงเช่นกัน เมื่อต้นตำรับสมุนไพรไทยอย่างอภัยภูเบศรได้โพสต์ เฟซบุ๊ก เผยแพร่สูตรสมุนไพรช่วยท่านชายให้โล้สำเภาได้แรงดีไม่มีตก โดยมีข้อความระบุว่า ปัจจุบันมิติด้านของความสัมพันธ์ทางเพศกำลังถูกคุกคาม จากปัญหาด้านสุขภาพของผู้ชาย 2 ประการ คือ การมีบุตรยาก เนื่องจากจำนวนอสุจิลดลง และการเกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ คู่สมรสประมาณร้อยละ 10 ถึง 15 ทั่วโลกประสบปัญหามีบุตรยาก และมีหลักฐานหลายประการบ่งชี้ว่าปัญหาการมีจำนวนอสุจิลดลงกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ในขณะเดียวกันอุบัติการณ์ของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ(erectile dysfunction) หรือโรคอีดี ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลมาจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปสภาพการดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด สารมลพิษที่หลากหลาย ยาบางชนิด สารพิษในอาหาร และการขาดสารอาหารบางชนิด
แนวคิดของ หมอพื้นบ้านไทย เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหานี้ จะเน้นการดูแลธาตุในร่างกายให้เป็นปกติอย่างเป็นองค์รวม โดยปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เหมาะสม เน้นการรับประทานอาหารที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ประกอบกับการใช้ตำรับยาสมุนไพรเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ สรรพคุณบำรุงเลือดลม ทำให้การไหลเวียนของเลือดและระบบย่อยอาหารดีขึ้น เมื่อสุขภาพโดยรวมดีขึ้น สมรรถภาพทางเพศก็จะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ พืชผักที่ใช้เป็นอาหารบำรุงสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายนั้น มีอยู่หลายกลุ่ม โดยตามการศึกษาของ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้แก่
+ พืชผักที่มีกลิ่นฉุนรสร้อน เช่น หัวหอมแดง กระเทียม พริกไทย ขิง หน่อหรือดอกตระกูลขิง ข่า ใบแมงลัก สะตอ ขนุน ทุเรียน กุยฉ่าย กระถิน กระเฉด
+ พืชตระกูลมะเขือทุกชนิด เช่น มะเขือพวง มะแว้ง มะเขือเปราะ
+ พืชที่มีความมันชุ่มชื้น เช่น ผักปลัง งา แห้วหมู กระจับ แห้ว รากสามสิบ เนื้อผลตาล เมล็ดหมามุ่ย เมล็ดมะขาม กล้วยหอม ผักบุ้ง เนื้อในของเมล็ดมะเดื่อ สมอพิเภก
+ พืชที่บำรุงทางเดินปัสสาวะ เช่น หนามกระสุน หญ้าขัด รางแดง โด่ไม่รู้ล้ม
ตัวอย่างตำรับยาบำรุงกำลัง
+ พริกไทย 7 เม็ด กระเทียม 3 กลีบกินดิบๆ พร้อมๆ กันทั้งสองอย่าง ทั้งพริกไทยและกระเทียม ไม่ต้องบดแต่ให้ใช้ปากเคี้ยวแต่ถ้าระคายปากนัก ท่านให้แกล้มด้วยกุ้งแห้งสัก 2-3 ตัว สรรพคุณท่านว่าเหลือจะคณนา ท่านให้กินเป็นประจำทุกเช้าและเย็น สัก 7 วัน แล้วจะเห็นผลทันตา
+ เมล็ดหมามุ่ยแก่จัด คั่วไฟอ่อนจนสุกดี ดูจากขั้วของเมล็ดจากสีขาวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม เสมอกันทั้งเมล็ด จากนั้นนำมาบด หรือแช่น้ำก่อนจนเมล็ดนุ่ม แล้วค่อยเคี้ยวกิน ครั้งละ 3 เมล็ด เช้า เย็น (หมามุ่ย : มีฤทธิ์กระตุ้นความต้องการทางเพศ เรียกว่าเป็นยากามะ ช่วยแก้ปัญหามีบุตรยาก ปรับสมดุลฮอร์โมนเพศชาย คุณภาพของอสุจิและช่วยให้น้ำเชื้อเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ใช้บรรเทาอาการพาร์กินสัน)
+ หมากลิ้นช้าง(เพกา) ใช้เปลือกต้น หรือฝักอ่อนที่พับงอได้ ตากแก้งทำเป็นผงผสมน้ำผึ้งปั้นลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดพุทราไทย กินครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร(งานวิจัยของเพกา พบว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านการแพ้ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเซลล์มะเร็ง ลดคอเลสเตอรอล พื้นบ้านกินเป็นบำรุงกำลัง เพิ่มน้ำอสุจิ)
หมายเหตุ : กลุ่มยาบำรุงกำลังส่วนใหญ่มีฤทธิ์ในการเพิ่มการไหลเวียนเลือด ต้านการแข็งตัวของเลือด ดังนั้นผู้ที่ทานยาในกลุ่มนี้ควรระวังในการรับประทาน
www.555happy.com